2023-11-08 00:59:21
ข้าวก่ำล้านนา พญาแห่งข้าวทั้งปวง
(Khao Kum Lanna, Kum Rice)
เป็นข้าวพื้นถิ่นที่มีสีม่วงเข้มออกดำ ที่พบได้ในภาคเหนือของไทย
ด้วยคุณลักษณะพิเศษ คุณค่าทางโภชนาการ สรรพคุณทางยา และสามารถป้องกันผองภัยให้กับข้าวอื่นๆได้
ด้วยในความเชื่อของชาวล้านนา หากนาผืนใดมีข้าวก่ำปลูกอยู่ ก็จะปราศจากโรคและแมลงรบกวน
ชาวบ้านจึงนิยมปลูกข้าวกำ่ไว้ที่จุดปล่อยน้ำเข้านา(ต้าง) หรือปลูกแทรกกับข้าวขาวทั่วๆ ไป
เพื่อให้น้ำที่ผ่านนาข้าวก่ำ นำสารที่เป็นสีของใบและเมล็ดข้าวก่ำ ที่เรียกว่า สารแอนโทไซยานิน (Anthocyanin)
ไหลเข้าวนในนาเพื่อไล่แมลง และป้องกันการ เกิดโรคต่างๆที่จะทำลายต้นข้าว
ข้าวก่ำคือข้าวที่มีคุณค่าทางอาหารสูง โดยเฉพาะสารด้านอนุมูลอิสระ
เช่น มีสารแกมมาโอรีซานอล สารแอนโทไซยานินและวิตามินอี ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายในระดับที่สูงมาก
ซึ่งสารกลุ่มนี้มีสูงกว่าในข้าวทั่วไป งานวิจัยยังพบอีกว่าเมื่อแกมมาโอไรซานอลได้ทำงานร่วมกับแอนโธไซยานิน
จะมีคุณสมบัติที่โดดเด่น ในการเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ สารชะลอความแก่ เพิ่มภูมิคุ้มกัน ลดโคเลสเตอรอล
ป้องกันการเกิดมะเร็ง โรคอ้วน ความดัน โรคหัวใจ และความจำเสื่อม จึงเหมาะแก่ผู้บริโภคทุกเพศทุกวัย
สามารถลดอัตราเสี่ยงของการเกิดมะเร็งได้
ด้านสรรคุณทางสมุนไพร
การใช้เป็นยารักษาโรค
-โรคตกเลือดในสตรี ในสมัยก่อนหากสตรีใดคลอดลูกและมีการตกเลือดมาก การ
รักษาก็คือ การนำเอาต้นข้าวก่ำมาต้ม เคี่ยวน้ำให้งวดลงเล็กน้อยแล้วให้รับประทาน
-โรค์ท้องร่วง การรักษาคือการนำเอาเมล็ดข้าวก่ (ข้าวกล้อง) มา "หลาม"
(แช่น้ำในกระบอกไม้ไผ่แล้วอิงไฟจนสุก) เป็น "ข้าวหลามข้าวก่ำ" รับประทาน
ปัจจุบันข้าวหลามข้าวก่ำยังเป็นที่นิยมกันทั่วไปในทุกๆท้องถิ่น
ไม่เฉพาะแต่ทางภาคเหนือเท่านั้น
ใช้ข้าวก่ำทำเป็นสบู่ขัดผิว,ใช้พอกหน้าเพื่อให้ใบหน้าดูเยาว์วัย ซึ่งการใช้ผงข้าวก่ำ
พอกหน้าเพื่อรักษาสุขภาพใบหน้านี้เคยปรากฏในตำหรับเสริมความงามของเกอิชาในสมัย
ญี่ปุ่นโบราณด้วย ความสมเหตุสมผลน่าจะเนื่องมาจากคุณสมบัติพิเศษของสารสีก่ำ (ม่วง
ดำ) คือ แอนโตไซยานิน ที่ละลายออกมาได้ง่ายแม้โดยน้ำ
ใช้เป็นวัตถุดิบในการท่าขนมหวาน ในเทศกาลประเพณี ต่างๆ ของชาวล้านนา
เช่น งานเลี้ยงผี งานปอยหลวง งานกินก๋วยสลาก เป็นต้น โดยใช้ข้าวเหนียวดำเป็นหลัก
ทำให้ขนมมีสีสวยเหมาะส่าหรับงานเทศกาลพิเศษ ได้แก่ ขนมจ๊อก ข้าวต้มหัวหงอก
ข้าวหนุกงา และข้าวอีตู และยังคงใช้เป็นเครื่องสักการบูชา ในพิธีเซ่นสรวง
ตามประเพณีของชาวล้านนาที่ยึดถือและปฏิบัติสืบมาจนถึงปัจจุบัน
นอกจากนี้ยังใช้ทำ ข้าวนึ่ง ข้าวต้ม(ห่อใบตองมัดด้วยตอกแล้วต้ม)
ข้าวหลาม (ข้าวแช้ในกระบอกไม้ไผ่แล้วเผา) ขนมเนียบ(น่าน)
หรือที่เรียก ขนมจ๊อก (เชียงใหม่) หรือ ขนมเทียน (กรุงเทพฯ)
และข้าวแต๋น (ข้าวนึ่งอัดเป็นแผ่นเล็กๆตากแห้งแล้วทอด
ซึ่งไม่ว่าในกิจกรรมใดจะใช้ข้าวก่ำจำนวนเพียงเล็กน้อย
แช่ผสมกับข้าวขาวซึ่งจะทำให้ข้าวทั้งหมดถูกย้อมกลายเป็นสีก่ำ(สีม่วงดำ)
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี (2528) ได้ทรงกล่าวไว้ในบท
พระราชนิพนธ์ "ย่ำแดนมังกร" เมื่อเสด็จเยี่ยมเมืองชีอานว่า "ข้าพเจ้าลืมกล่าวถึงอาหาร
อีกอย่างหนึ่ง เป็นข้าวต้มทำจากข้าวเจ้าสีดำ ที่มีอยู่ในหมู่บ้านเดียวในมณฑล ดูเหมือน
จะต้องใช้น้ำในลำธารนั้นรคจึงขึ้น ทางจีนกำลังวิจัยข้าวพันธุ์นี้อยู่ เขาว่ากันว่าข้าวพันธุ์นี้มี
ค่ามากรักษาโรคมะเร็ง รับประทานได้ทั้งเป็นของหวานและของคาว
ในภูมิภาคอื่นๆก็มีสายพันธ์ุข้าวก่ำที่หลากหลายกระจายอยู่ในหลายพื้นที่
และมีภูมิปัญญาการใช้ข้าวก่ำในการส่งเสริมสุขภาพร่างกายอีกหลายตำรับ
โรคฝืในท้อง ให้นำเอาเมล็ดข้าวก่ำทั้งเปลือกมาบดหรือตำกับผักตำถึง ทั้งรากใบ
อก และผล(หากมี) นำส่วนผสมนั้นไปต้ม จากนั้นใช้ผ้ากรองเอาแต่น้ำต้มไปดื่ม
โรคผิวหนังบางชนิด เช่นโรดหิด นำเมล็ดข้าวก่ำทั้งเปลือกมาบดหรือตำร่วมกับ
ผักตำลึงเช่นกัน แต่ไม่ต้องนำไปต้ม หากใช้ส่วนผสมนั้นพอกตรงจุดของผิวหนังที่เป็นโรค
ก็สามารถใช้รักษาโรคผิวหนังได้
นอกจากนี้ในภูมิปัญญาของชาวสุราษฎร์ธานี มีบันทึกใช้การใช้รักษา
ไข้ทับระดูในสตรี ,ไข้รุมๆ,แก้ผดผื่นคันตามร่างกายโดยเฉพาะในสตรีแม่ลูกอ่อน
หรือเรียกตามภาษาพื้นเมืองของทางเหนือและ
ตะวันออกเฉียงเหนือว่า ข้าวก่ำ ซึ่งคำว่าก่ำ ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตสถาน พ.ศ.
๒๕๔๒ ให้ความหมายว่า "สุกใสจัด หรือ เข้มจัด (มักใช้กับสีแดงหรือทองที่สุก)" ดังนั้น
ภาษาเรียกตามท้องถิ่นของชาวเหนือและอีสานที่เรียกชื่อข้าวชนิดนี้ว่า “ข้าวก่ำ”
จึงเป็นการเรียกตามลักษณะสีของเมล็ดที่มีสีแดงเข้ม หรือที่เรียกว่า แดงก่ำ
ก็คือสีม่วงนั่นเอง
"ข้าวก่ำ" เป็นคำเรียกข้าวเหนียวที่มีสีดำของทางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ซึ่งสำหรับข้าวก่ำล้านนาหมายถึงข้าวก่ำสายพันธุ์ดอยสะเก็ด ข้าวอมก๋อย ข้าวกำพะเยา หรือ
ข้าวก่ำพื้นเมืองที่มีคุณภาพดีซึ่งปลูกในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน 8 จังหวัด คือ เชียงใหม่ เชียงราย
ลำปาง ลำพูน แพร่ น่าน พะเยา แม่ฮ่องสอน
ปัจจุบัน ข้าวก่ำล้านนาคือหนึ่งในข้าวไทยที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์
Geographical Indicator เมื่อปี พ.ศ.๒๕๕๑
--------------------
-ข้าวก่ำ (ข้าวเหนียวดำ) ทรัพยากรข้าวไทยที่ถูกลืม รศ.ดร.ดำเนิน กาละดี
คณะเกษตรศาสตร์ หน่วยวิจัยข้าวก่ำ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
-ประกาศโฆษณาการรับขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ เล่มที่ ๑๒ เลขที่ประกาศ ๔๔
กรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์
-Thai Rice for Life กรมการข้าว กระทรวงเกษตร
-หน่วยวิจัยข้าวก่ำ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ http://web.agri.cmu.ac.th/prru/i … 7:-1-2554&Itemid=55